คาเฟอีน เป็นสารแซนทีนอัลคาลอยด์ ที่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายเกิดความตื่นตัวและมีคุณสมบัติในการช่วยลดความง่วงได้ เมล็ดกาแฟนั้นเป็นพืชซึ่งเป็นแหล่งที่มีคาเฟอีนมากที่สุด กาแฟจึงเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมดื่มเพื่อช่วยให้หายง่วง และกระตุ้นประสาท ทำให้ในปัจจุบันกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในการดื่มมากที่สุดในโลก
ปริมาณของคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟนั้น จะแตกต่างกันไปตามประเภท ชนิดและสายพันธุ์ของกาแฟ รวมถึงกรรมวิธีในการผลิตเมล็ดกาแฟ ตัวอย่างเช่น กาแฟพันธุ์อาราบิก้า เป็นกาแฟสายพันธุ์ที่มีกลิ่นหอม เป็นสายพันธุ์ที่มีคุณภาพ ดื่มแล้วจะทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า แต่มีปริมาณของคาเฟอีนต่ำ ส่วนกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งเป็นกาแฟที่นิยมนำมาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูปโดยผสมกับกาแฟอาราบิก้านั้น มีจุดเด่นคือเมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกนุ่มและชุ่มคอ ซึ่งสายพันธุ์โรบัสต้าจะมีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟอาราบิก้าเป็น 2 เท่า นอกจากสายพันธุ์ของกาแฟแล้ว กรรมวิธีของการผลิตเมล็ดกาแฟโดยเฉพาะการคั่วก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบ ซึ่งกาแฟทุกรูปแบบนั้นต้องผ่านการคั่วก่อนที่จะนำมาชงบริโภคเสมอ โดยกระบวนการคั่วนั้น นอกจากจะมีผลต่อปริมาณของสารดังกล่าวในเมล็ดกาแฟแล้ว ยังมีผลต่อรสชาติกาแฟอีกด้วย เมื่อเมล็ดกาแฟผ่านการคั่ว จะออกมาเป็นระดับสีหลายสี ได้แก่ สีอ่อน สีอ่อนปานกลาง สีปานกลาง สีเข้มปานกลาง สีเข้มและเข้มมาก เป็นต้น
ซึ่งหากเมล็ดกาแฟผ่านการคั่วเป็นระยะเวลานาน จะสังเกตได้ว่าเมล็ดกาแฟจะมีสีเข้มขึ้น กว่าเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วอ่อนๆ แต่ปริมาณของคาเฟอีนจะสวนทางกัน ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจจะเข้าใจว่ากาแฟคั่วเข้มคาเฟอีนจะยิ่งสูง เป็นความเข้าใจที่ผิด กาแฟคั่วอ่อนคาเฟอีนจะสูง กาแฟคั่วเข้มคาเฟอีนจะต่ำ เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วแล้วก็ต้องมีการเก็บรักษาอย่างดีเพื่อคงรสชาติเอาไว้ โดยเฉพาะความสด ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการเก็บรักษาไว้ในสภาพอากาศ ได้แก่ ความเย็น ความชื้น ความร้อน รวมถึงแสงสว่าง ซึ่งมีผลกับรสชาติของกาแฟแทบทั้งสิ้น และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถุงที่ใช้บรรจุ และเก็บเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วนั้นควรจะเป็นถุงที่ปิดอย่างมิดชิดไม่ให้อากาศและความชื้นเข้าไปได้ หรือเก็บในโถสูญญากาศจะดีที่สุด
การดื่มกาแฟนั้น หากดื่มในปริมาณที่พอเหมาะจะมีประโยชน์ในหลายด้าน ได้แก่ ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ได้แก่ โรคหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ โรคเบาหวาน ลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม ช่วยกระตุ้นประสาท ลดความเสี่ยงจากโรคซึมเศร้าและช่วยลดอัตราการฆ่าตัวตาย รวมถึงยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด โดยเฉพาะอาการปวดหัวจากโรคไมเกรนได้อีกด้วย แต่หากว่าดื่มกาแฟในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้เกิดอาการใจสั่นได้ เพราะฉะนั้นควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะจะดีที่สุด
ถ้าอยากลองดื่มกาแฟของเรา ซื้อได้ที่นี่นะคะ :
เรียบเรียงโดย : SUZUKI COFFEE THAILAND
